ตำรวจกำแพงเพชรโชว์จับกุมยาบ้ารายใหญ่ 2 ราย ยาบ้า 6 ล้านเม็ดมูลค่า 360 ล้านบาท และยาบ้า 48,600 เม็ด มูลค่า 3 ล้านบาท
ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พลตำรวจโท กิตติศักดิ์ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้เป็นประธานในการแถลงข่าวการจับกุมยาบ้า 2 ราย รายแรก 6 ล้านเม็ด ส่วนรายที่ 2 จำนวน 48,600 เม็ด รวม 6,048,600 เม็ด โดยมี นายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.กำแพงเพชร พล.ต.ต. อมรศักดิ์ เกษมศิริ รอง ผบช.ภ.6 นายโชคชัยรักเกื้อ นายอำเภอเมืองกำแพงเพชรนายสราวุธ ภักดี ผอ.ป.ป.ส.ภาค 6 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมการแถลงข่าว ภายในห้องแถลงข่าว มียาบ้ากว่า 3 ยี่ห้อถูกวางเรียงรายเกือบเต็มหน้าห้องประชุม
ทั้งนี้ พล.ต.ท. กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภาค.6 กล่าวว่า การติดตามจับกุมยาบ้าครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 6 มีนโยบายปราบปรามผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด ลักลอบลำเลียงยาเสพติด ขนแรงงานต่างด้าว และการกระทำความผิดกฎหมายอื่น ซึ่งในวันนี้ทางตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของ พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร จึงได้บูรณาการภาคีเครือข่ายพร้อมออกแผนปฏิบัติการการตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติด และแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองของตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร
และมอบหมายให้ พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.เป็นหัวชุดปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวต่อเนื่อง โดยมีผลการปฏิบัติและจับกุมตลอดมา และต่อมา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดได้ 2 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร สืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติด จากพื้นที่อื่นเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร โดยจะผ่านในเส้นทางจุดตรวจป้องกันยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร บ้านเกาะรากเสียด อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ซึ่งเวลาประมาณเที่ยงคืนห้าสิบนาที ในวันเดียวกัน ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจยาเสพติด ตรวจพบรถยนต์ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ ต้องสงสัยขับขี่เข้าจุดตรวจ จึงแสดงตัวเรียกให้ผู้ขับขี่หยุดรถเข้าทำการตรวจค้น
แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่หยุดรถให้ตรวจ และได้ฝ่าฝืนสัญญาณเจ้าพนักงานจราจร เร่งเครื่องหลบหนีผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ มุ่งไปเส้นทางเข้าเมืองกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้รถยนต์ติดตามอย่างกระชั้นชิด และพยายามเบียดรถของ ผู้ต้องสงสัยเข้าเส้นทางเบี่ยงออกจากสายหลัก ซึ่งเป็นบริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน หมู่ 6 ต.นครชุม อ.เมืองกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร ซึ่งคนขับรถที่หลบหนีไม่ชำนาญเส้นทาง และเป็นไปตามแผนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางไว้ พอเข้าโค้งใต้สะพาน รถคันดังกล่าวได้เสียหลักชนตอหม้อสะพานพลิกคว่ำ คนขับติดอยู่ในตัวรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวคนขับเป็นชาย อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ไว้และทำการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว
จากการตรวจสอบภายในรถดังกล่าว พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 30 กระสอบ กระสอบละ 200,000 เม็ด รวม 6,000,000 เม็ด รวมมูลค่า 360 ล้านบาท โดยมีกระสอบวางซ้อนชนิดไม่มีอะไรปกปิด เต็มภายในเก๋งรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งส่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ในประการที่ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโกสัมพีนคร ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา มีคดีที่ติดค้างไม่น้อยกว่า 10 คดี
พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ยังได้กล่าวอีกว่า ต้องขอชื่นชมการทำงานของตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งการทำงานเช่นนี้จะสำเร็จก็มี 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกก็คือ ผู้บริหารทุกฝ่ายที่ได้บูรณาการร่วมกันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ว่าจังหวัดกำแพงเพชร ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงาน ป.ป.ส.ภาค 6 และส่วนที่สองก็เป็นผู้ปฏิบัติที่มีความเข้มแข็งจริงจัง เสียสละ ทุ่มเทในการที่อยากเห็นบ้านเมืองเกิดความสงบสุข ประเทศชาติเกิดความมั่นคง แต่อย่างไรก็ดี ปัญหายาเสพติดก็ยังไม่หมดไป ซึ่งยังคงจะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกัน ในการที่จะมุ่งมั่นและเพิ่มความเข้มในการตรวจค้นอย่างจริงจัง และต่อเนื่องเพื่อให้ยาเสพติดของเราลดน้อยและหมดไปในที่สุด
ด้านนายชาธิป รุจนเสรี ผวจ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทีมงานตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และผู้เข้าร่วมที่สามารถสกัดกั้นยาเสพติด ในช่วงเวลาที่ติดกันสองเหตุการณ์สำคัญ ในเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน ที่เราเพิ่งแถลงข่าวไปเรื่องการสกัดกั้นผู้ที่ขนยาเสพติดจากภาคเหนือมาได้ประมาณ 4,000,000 เม็ด ขณะเดียวกันอีกไม่กี่สัปดาห์ก็ได้ 6,000,000 เม็ด คือขาลงจากภาคเหนือเข้าสู่ภาคกลาง หรือปริมณฑลและกรุงเทพมหานคร ในขณะเดียวกันก็จับได้ 4 หมื่นกว่าเม็ดขึ้นไปทางภาคเหนือ ต้องถือว่าในการตั้งด่านจะตั้งเราสามารถสกัดกั้นจับกุม บุคคลเหล่านี้ได้ หากจับไม่ได้จะทะลุไปถึงแหล่งที่ไปแพร่กระจายหรือจำหน่าย สร้างความเดือดร้อนแก่ลูกหลานเยาวชนตลอดจนพี่น้องประชาชนคนไทย
ส่วนคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจ ยาเสพติดกำลังปฏิบัติหน้าที่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ ให้สัญญาณว่ามีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น ALTIS สีบรอนด์เงิน เชียงใหม่ ต้องสงสัยขับขี่เข้าจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเพื่อเรียกทำการตรวจค้น มีผู้โดยสารในรถจำนวน 2 คน มีอาการแสดงพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถ จนพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ซุกซ่อนอยู่ในกระสอบวางอยู่ท้ายรถยนต์คันดังกล่าว จำนวน 48,600 เม็ด รวมมูลค่า 3 ล้านบาท
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสอง รายแรกเป็นชายอายุ 50 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดแพร่ ผู้ต้องหาที่ 1 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” และรายที่สองเป็นชาย อายุ 45 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดแพร่ “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นผู้ขับขี่รถ (รถยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโกสัมพีนคร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป