สำนักงานชลประทานที่ 4 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพฝายและวางแผนแนวทางในการดำเนินการซ่อมแซมชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (ฝายวังบัว)
ดร.ชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 4 พร้อมด้วยนายบุญธรรม ปานเปี่ยมโภช รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 4 ผู้อำนวยการส่วนในสำนักงานชลประทานที่ 4 เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (ฝายวังบัว) โดยมีนายจักรพันธ์ จารุวัฒน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว นำลงพื้นที่ เพื่อวางแผนแนวทางในการดำเนินการซ่อมแซมกรณีฝายวังบัวชำรุด และแนวทางการบริหารจัดการเรื่องน้ำอย่างครอบคลุมในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ จากอิทธิพลของพายุหมาอ๊อน และร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณฝนตกชุกต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร รวมทั้งพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำปิงและแม่น้ำวัง มีปริมาณน้ำไหลผ่านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จนทำให้ระดับน้ำไหลข้ามฝายชั่วคราววังบัว สูง 1.09 เมตร ประกอบกับสภาพลำน้ำด้านเหนือของฝายชั่วคราววังบัว มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการตกตะกอนทับถมบริเวณด้านเหนือ ส่งผลต่อการไหลของน้ำผ่านสันฝายจนเกิดการกัดเซาะตัว ทำให้ฝายชั่วคราววังบัวบริเวณฝั่งตำบลเทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เกิดการชำรุดขนาดกว้างประมาณ 40 เมตร เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถรับน้ำเข้าคลองส่งน้ำสายใหญ่วังบัว เพื่อส่งน้ำให้กับเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าว ในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัวได้ ในเบื้องต้นได้ประสานไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่อทองแดง ขอสนับสนุนน้ำ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกข้าวดังกล่าว ผ่านคลองชักน้ำ ในอัตรา 20 ลบ.ม./วินาที เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตร
สำหรับแนวทางการซ่อมแซมปรับปรุงฝายชั่วคราววังบัวให้มีความมั่นคงแข็งแรงนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางในการซ่อมแซมระยะเร่งด่วนและปรับปรุงฝายในระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัวและประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง สำหรับโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาวังบัว มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 425,841 ไร่ ปัจจุบันเก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 278,054 ไร่ ยังคงเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกประมาณ 147,787 ไร่ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จทั้งหมดในกลางเดือนตุลาคม 2565 จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรที่ได้ทำการเพาะปลูกข้าวนาปีและเก็บเกี่ยวแล้ว ขอให้งดการทำนาปีต่อเนื่อง หากจะดำเนินการปลูกข้าวต่อเนื่อง ให้พิจารณาวางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำในแหล่งน้ำสำรอง ในพื้นที่ของตนเองเป็นหลัก เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้