สละสวนทิพย์สุมาลี ปลูกสละสร้างรายได้จาก 5 ต้น สู่ 8 ไร่ ขายหน้าสวน 60 บาท ต่อ ก.ก.
ที่สวนสละสวนทิพย์สุมาลี ตั้งอยู่เลขที่ 114 ม.2 ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร นางน้ำทิพย์ ธนากิจภูวานนท์ (เจ้าของสวน) ได้ใช้เนื้อที่กว่า 8 ไร่ จากทั้งหมดเกือบ 20 ไร่ ปลูกสละเพื่อสร้างรายได้เป็นอาชีพ โดยพื้นที่อื่นๆได้ก่อสร้างทำเป็นห้องพัก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำต้นพันธุ์สละจาก จ.จันทบุรี มาทดลองปลูกเพียง 5 ต้น ตั้งใจจะปลูกให้เป็นไม้ประดับ แต่กลับได้ผลผลิตออกลูกดกงอกงามอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมทั้งมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวอร่อย จึงได้ทำการขยายพันธุ์ปลูกให้เต็มพื้นที่ รวมจำนวน 8 ไร่ โดยดินในพื้นที่เพาะปลูกแห่งนี้มีความชุมชื่นเหมาะสมอย่างยิ่ง เมื่อผลผลิตออกนำมาจำหน่ายหน้าฟาร์มเพียงกิโลกรัมละ 60 บาทเท่านั้น
ซึ่งในแต่ละฤดูกาลสามารถสร้างรายได้เป็นที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังนำผลมาแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ “สละลอยแก้ว” เอาใจคนชอบรับประทานของหวานอีกด้วย โดยจำหน่ายในราคาถ้วยละ 30 บาท ขณะเดียวกันมีเกษตรกรในพื้นที่และหน่วยงานภาครัฐเข้ามาเยี่ยมชมสวนสละอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้รับมาตรฐาน GAP (สินค้าเกษตรการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ที่สำคัญได้นำผลผลิตสละมาวางจำหน่ายหน้าสวนมีผู้มาอุดหนุน เดินเข้าไปชม และเลือกตัดผลสละซื้อกลับไปรับประทาน และนำไปขายต่อจนผลผลิตเก็บเกี่ยวไม่เพียงพอในบางช่วง ซึ่งผู้สนใจสามารถแวะมาเที่ยวชมสวน “สละสวนทิพย์สุมาลี“ ตั้งอยู่เลขที่ 114 ม.2 ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 081-8385572 ในอนาคตจะขยายตลาดขายไปต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกาสรับประทานผลสละที่สวนด้วย
นางน้ำทิพย์ ธนากิจภูวานนท์ (เจ้าของสวน) เล่าว่า ได้เริ่มต้นจากการนำพันธุ์สละจากบ้านญาติที่ จ.จันทบุรี มาทดลองปลูกเพียง 5 ต้น ซึ่งไม่คิดว่าจะออกผลเกินคาด จึงได้ขยายพันธุ์เพิ่มให้เต็มพื้นที่ โดยการศึกษาการผสมพันธุ์ตัวผู้กับตัวเมียเองจนมีผลผลิตมากขึ้น โดยสามารถขายได้แค่เพียงจังหวัดกำแพงเพชร โดยอนาคตอาจจะต้องขยายพื้นที่เพิ่มและเปิดตลาดในต่างจังหวัด ได้ลองซื้อไปรับประทาน โดยขณะนี้ขายหน้าสวนอยู่ที่ กิโลกรัมละ 60 บาท ซึ่งยังได้รับการผลักดันจากเกษตรอำเภอคลองขลุงให้ได้รับมาตรฐาน GAP ใครอยากมาเที่ยวชมสวนสละของตนก็สามารถปักหมุดมาได้ “สละสวนทิพย์สุมาลี”
ด้านนางสุกัญญา นาคประดิษฐ์ เกษตรอำเภอคลองขลุง กล่าวว่า ในส่วนของภาครัฐได้เข้ามาพูดคุยส่งเสริมในเรื่องของการใช้สารเคมีและสารชีวภัณฑ์อย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของเกษตรกร พร้อมทั้งให้เกษตรกรขอรับมาตรฐาน GAP เกษตรปลอดภัย ซึ่งส่งผลให้การเพาะปลูกและจำหน่ายผลผลิตดีขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคเกิดความมั่นใจที่จะซื้อบริโภค นอกจากนี้ยังส่งเสริมเรื่องของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งในพื้นที่ ต.ท่าพุทรา มีเกษตรกรทำสวนผลไม้ที่หลากหลาย จึงเชื่อมโยงให้สอดคล้องกัน เวลานักท่องเที่ยวมาแล้วสามารถเที่ยวชมได้หลายจุด พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์ การจัดตลาดสินค้าเกษตรระดับอำเภอ เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำไปจำหน่ายมีรายได้ นอกจากนี้ยังขยายผลให้เป็นศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่สนใจนำไปประกอบอาชีพต่อไปในอนาคตอีกด้วย