ชาวนาตัดใจลงทุนเฮือกสุดท้าย!!นำสิบล้อสูบน้ำ เทใส่นาดีกว่าให้ตายไม่ได้อะไรเลย

ฝนทิ้งช่วง แล้ง นาแห้งข้าวใกล้จะยืนต้นตาย ชาวนาตัดใจลงทุนเฮือกสุดท้าย นำสิบล้อไปสูบน้ำมาเทใส่นา ดีกว่าให้ตายไม่ได้อะไรเลย

ตั้งแต่เข้าฤดูฝนมาแล้วแต่ฝนเกิดทิ้งช่วง  แม้มีตกลงมาบ้างแต่ก็ไม่เพียงพอให้เกษตรกร น้ำในคลองชลประทานและแหล่งน้ำธรรมชาติก็แห้งหมด ชาวนาต้องลงทุนเพิ่มจากเดิมเป็นเท่าตัว เพื่อให้ข้าวที่ลงทุนลงแรงไปนั้น ฟื้นตัวเติบโตได้ทันต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต ดีกว่าปล่อยให้แห้งตายลงไป ยิ่งช่วงนี้ข้าวมีราคาสูงขึ้นเกษตรกรบ้านยางเลียง ตำบลคลองแม่ลาย อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีน้ำทำนา โดยเฉพาะช่วงที่ข้าวกำลังออกรวง ฝนกลับมาทิ้งช่วง ต้องพากันไปสูบน้ำใส่รถบรรทุก แล้วขนมาใส่ในนาข้าว แทบทุกวัน เพื่อให้ได้ผลผลิต พอที่จะเก็บเกี่ยวเอาทุนคืน

นางดวงใจ มังโส อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ที่ 12 ตำบลวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เกษตรกรที่ต้องลงทุนนำรถสิบล้อ และรถบรรทุกน้ำของตนเองและญาติ ไปสูบน้ำจากคลองชลประทานที่อยู่ไกลออกไป เพื่อนำน้ำมาเทใส่ในนาข้าวที่กำลังออกรวง ที่ประสบปัญหาภัยแล้งไม่มีน้ำในนาข้าว ส่งผลให้นาข้าวกว่า 14 ไร่ เริ่มแห้ง ข้าวที่ออกรวงเริ่มจะเหี่ยวเฉา หากไม่มีน้ำเข้าไปเลี้ยงต้นข้าว มีหวังตายยกแปลงขาดทุนย่อยยับ

นางดวงใจ กล่าวว่า การทำนาปีในรอบนี้ถือว่าเสี่ยงมาก ตั้งแต่เริ่มปลูกข้าว แม้จะเป็นหน้าฝนแต่ก็ตกมาน้อยต้องหว่านข้าวแห้ง เกือบเดือนกว่าข้าวจะขึ้นเพราะต้องรอฝน พอข้าวเริ่มโตและกำลังออกรวง ฝนมาทิ้งช่วง น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่เคยใช้ก็มาแห้งขอด จนไม่พอที่จะมาใส่นาข้าวได้ ทำให้ดินเริ่มแห้ง ข้าวที่ออกรวงเริ่มแห้งเหี่ยว ลงทุนไปเยอะ หากปล่อยไว้ก็เสียดายทุนที่ลงมาก็จะไม่ได้คืน จึงต้องนำรถสิบล้อของตนเอง และรถบรรทุกน้ำของญาติ ไปขนน้ำมาใส่นาข้าว โดยต้องเสียค่าน้ำมันวันละหนึ่งพันบาทต่อคัน โดยจะต้องสูบประมาณหกวัน แต่ละคันจะขนน้ำวันละห้าถึงหกเที่ยว เพื่อให้มีน้ำเลี้ยงข้าวได้จนออกรวงโตเต็มที่ และสามารถเก็บเกี่ยวได้ ถามว่าทำแบบนี้คุ้มหรือไม่ก็ถือว่าคุ้ม ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ขณะที่นาข้าวบริเวณใกล้เคียงกัน  เริ่มที่จะแห้งเหี่ยว ข้าวไม่ออกรวง ดินแยกแตกระแหง เนื่องจากเกษตรกรไม่มีทุน หรือแรงพอที่จะไปหาน้ำที่ไหนมาเติมในนาข้าวได้ รอเพียงน้ำจากฝนเท่านั้น แต่ตลอดฤดูฝนที่ผ่านมาแทบจะไม่มีน้ำทำนา เพราะฝนตกลงมาน้อย แถมมาทิ้งช่วงนานแบบนี้ หากไม่มีน้ำทำนาข้าวยืนต้นตายแน่นอน

นายไว ขมิ้นแก้ว อายุ 69 ปี กล่าวว่า ทำนารอบนี้เริ่มแล้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นมา ฝนตกมาเล็กน้อย ต้องอาศัยน้ำจากสระหลวง แต่ก็มีเกษตรกรที่ใช้น้ำกันจำนวนมาก ทำให้น้ำไม่พอต่อการทำนา ทำให้ต้องรอน้ำฝนอย่างเดียว จริงๆก็อยากได้น้ำมา ถึงแม้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีโครงการลอกคูคลองแต่ก็ไม่มีน้ำจะเข้าไปในคลอง  ทำให้นาข้าวเสียหายเป็นอย่างมาก บางแปลงถึงกับเริ่มแห้งตาย บางแปลงยังไม่ได้หว่านก็มี เพราะไม่มีน้ำทำนา หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ฝนไม่ตกลงมาขาดทุนแน่นอน

, , , ,