“ดินคือหัวใจเกษตร” เกษตรกร Smart Famer เกาะตาล ทำไร่นาสวนผสมรับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์(Organic Thaiand) สร้างรายได้ทั้งปี
นายศักดิเดชน์ แก้ววิเศษ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร นางสาววิชุดา เอี่ยมครุฑ เกษตรอำเภอขาณุวรลักษบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เยี่ยมชมผลงานของ Smart Famer นางสาวรติพรรณ เงินประกายรัตน์ เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำไร่นาสวนผสมของจังหวัดกำแพงเพชร ปี 2566 และเป็นเกษตรดีเด่นดันดับ 2 ของเขต 6 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นแบบในการทำการเกษตรอินทรีย์ และเป็นศูนย์ศพก.เครือข่ายอำเภอขาณุวรลักษบุรี หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะตาล อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร นายศักดิเดชน์ฯ กล่าวว่า แปลง ไร่นาสวนผสม ของ นางสาวรติพรรณ เงินประกายรัตน์ ซึ่งเป็นSmart Famer ของจังหวัดกำแพงเพชรเป็นการทำในรูปแบบการเกษตรแบบอินทรีย์ ทำในพื้นที่ 10 ไร่กิจกรรมที่ทำประกอบด้วย นาข้าว ไม้ผล ไม้ยืนต้น เลี้ยงปลา พืชผัก ผลงานที่โดดเด่นคือ ผักสลัดกรีนโอ๊ค เรคโอ๊ค คอส ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์(Organic Thaiand)
นอกจากนี้ยังมีการนำ นวัตกรรมหลายอย่างมาใช้ในแปลงเช่น ระบบโรงเรือนแบบทรงเพิงหมาแหงน หลังคา-โรงเรือนใช้เป็นแบบพลาสติก ช่วงฝนตกน้ำไหลมาในทิศทางเดียวกันระบบโรงเรือนมีความแข็งแรง แก้ไขปัญหาเรื่องโรงเรือนเสียหายจากลมพายุ อากาศถ่ายเทสะดวกทำให้ผักเจริญเติบโตได้ดี ระบบน้ำใช้เทคโนโลยีระบบแบบตั้งเวลาให้น้ำอัตโนมัติ ง่ายสะดวก รวดเร็ว และลดการใช้แรงงานคน ซึ่งเป็นแปลงที่เหมาะสมในการที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ
นางสาวรติพรรณ เงินประกายรัตน์ (คุณเล็ก) เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำไร่นาสวนผสมของจังหวัดกำแพงเพชร ความคิดริเริ่มและความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคในการสร้างผลงาน คุณเล็ก เดิมทำงานฝ่ายธุรการโฆษณา/ประชาสัมพันธ์ของเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และเห็นคุณแม่ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินทำการเกษตร ผู้เช่ามีการใช้สารเคมีปริมาณมาก ซึ่งการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี ที่ปริมาณมากมีผลเสียต่อสุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค และยังทำให้หน้าดินเสีย คุณเล็กรู้สึกสงสารหน้าดิน เป็นห่วงสุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค อยากให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี จึงริเริ่มทำการเกษตรแบบปลอดสารเคมี ก่อนปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ไร่มันสำปะหลังมาเป็นเกษตรปลอดสารเคมี มีการปรับสภาพพื้นดิน ปลูกถั่วเขียวสลับกับปลูกปอเทืองแล้วไถกลบ เป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเพิ่มไนโตรเจนให้กับดิน มีส่งตัวอย่างดินให้กับสถานีพัฒนาที่ดิน เพื่อตรวจหาสารตกค้างก่อนที่จะเริ่มทำการเกษตร ปี พ.ศ. 2559 คุณเล็ก เริ่มต้นทาการเกษตร แต่เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ทางด้านการเกษตร จึงมีความคิดที่จะเริ่มต้นจากการปลูกกล้วย 1 ไร่ก่อน เพราะว่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย ต้นทุนต่ำ ช่วงระยะเวลาให้ผลผลิตไม่นาน เตรียมจะลงปลูกแล้วแต่มีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำ ชาวบ้านบอกมาว่าปลูกกล้วยจะต้องทำเป็นร่องสวน
ซึ่งตอนนั้นในสวนยังไม่มีแหล่งน้ำ จึงได้ศึกษาหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตว่าจะปลูกพืชอะไรดีที่ไม่ต้องใช้น้ำมาก ตอนนั้นมีพืชที่ตลาดโลกกำลังนิยม คือ โกโก้ กาแฟ เนื่องจากในชีวิตประจำวันคนทั่วไปมักนิยมทานกาแฟ โกโก้ และยังเป็นส่วนผสมของเบเกอรี่ต่างๆ จึงเลือกปลูกเป็นโกโก้ กับกาแฟ เพราะอยากจะทำเป็นเกษตรปลอดสารเคมีด้วย เริ่มจากพื้นที่ 1 ไร่ และลงปลูกกล้วยเพื่อใช้เป็นร่มเงาให้กับ โกโก้ กาแฟ ได้เริ่มวางแผนหาแหล่งน้ำที่จะนามาใช้ในสวน เจาะบ่อบาดาลน้ำตื้นแต่เจาะไม่เจอน้ำ พยายามหาน้าด้วยตนเองจนถึงที่สุดแล้ว จึงได้ขอรับการสนับสนุนแหล่งน้ำกับกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อนามาทาเกษตรผสมผสานทฤษฎีใหม่ ได้รับการสนับสนุนจานวน 2 บ่อ และในเวลาต่อมา ขุดเพิ่มอีก 2 บ่อ เพื่อป้องกันน้ำขาดแคลนช่วงฤดู เมื่อมีบ่อแต่ยังไม่มีน้ำ จึงหาวิธีเอาน้ำเข้ามาใช้ในสวน โดยมีการวางแผนใช้ระบบส่งน้ำมาจากเหมืองไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยรักษาโลกร้อน ด้วยการไม่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันสูบน้ำ เปลี่ยนเป็นใช้ระบบการวางท่อแบบเทลาดวัดระดับน้ำให้มีการเทลาดให้ได้ระดับการไหลโดยใช้แรงดันน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังของน้ำเอง
เริ่มปรับเปลี่ยนพื้นที่ดินบางส่วนมาทาพืชผักสวนครัว เช่น บวบ แตงกวา ผักบุ้ง ผักซี ต้นหอม ถั่วฝักยาว ฯลฯ ได้รับความรู้จากเพื่อนบ้านที่ทำอาชีพเกษตรกรรม มาช่วยสอนแบบจับมือทำกันเลย และที่เลือกปลูกเป็นพืชผักสวนครัวเพราะถ้าบริโภคเองไม่หมดก็สามารถขายให้กับชาวบ้านในชุมชนได้ การให้น้ำที่สวนใช้แบบระบบสปริงเกอร์ขนาดเล็กมาใช้ เพื่อลดต้นทุนแรงงานคนเดินรดน้ำผัก และประหยัดเวลาได้อีกด้วย และช่วงที่ทำพืชผักสวนครัวได้ทำการจดบันทึกข้อมูล ชนิดของพืช วันปลูก และวันที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตติดไว้ที่แปลงด้วย มีวันหนึ่งผู้บริโภคแนะนำให้เปลี่ยนจากปลูกผักพืชบ้านเป็นผักสลัด ซึ่งคุณเล็กเองเป็นคนไม่ทานผัก และไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย จึงศึกษาหาข้อมูลและไปดูร้านออร์แกนิคทั้งในประเทศและต่างประเทศว่า ผักสลัดชนิดไหนที่คนนิยมทานมากที่สุด แล้วก็ยังไม่มีความรู้เรื่องปลูกผักสลัด ลองค้นหาข้อมูลการทำผักสลัดในเฟชบุ๊ก แต่ไปถูกใจเพจของ คุณปรีชา วงศ์สมุท ในเรื่องปลูกผักกาดเขียวยกกระบะสูงจากพื้นดิน เพราะได้มองไปถึง Health and safety ของผู้ผลิตเอง หลังจากนั้นลองทากระบะปลูกผสมดินตามสูตรในเพจ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ จึงเข้าไปเรียนรู้กับคุณปรีชาที่สวน พร้อมซื้อดินมาลองปลูกตามเพจ ปรากฏว่าผักกาดเขียวงาม จึงมีความสนใจเรื่องการผสมดินปลูก เลยได้รับความอนุเคราะห์จากคุณปรีชา มาสอนผสมดินถึงที่สวน คุณเล็กมีความคิดว่า ผักกาดเขียวงามขนาดนี้ ถ้าปลูกเป็นผักสลัดก็น่าจะได้เหมือนกัน เพราะดินคือหัวใจเกษตร
จากที่ได้ค้นหาข้อมูลว่าผักสลัดชนิดไหน ที่เป็นที่นิยมของตลาดและปลูกง่ายสุด จึงได้เป็นผักสลัดกรีนโอ๊ค และเรดโอ๊ค แล้วตอบโจทย์ของร้านอาหารใช้ผักรองจานอาหารตกแต่งเพื่อความสวยงาม หลังจากผักสลัดเริ่มให้ผลผลิตที่อยู่ในขั้นพึงพอใจ ปัจจุบันจากคนที่ไม่ทานผัก แต่ต้องมาทานเพื่อตอบกับผู้บริโภคให้ได้ว่า มีรสชาติแบบไหน จนกลายเป็นสิ่งที่ชอบ สวนเนเจอร์ฟาร์ม เกาะตาล NATURE’S FARM KO TAN ได้ขยายพื้นที่ปลูกผักสลัด มีช่องการจาหน่าย ผลิตตามออเดอร์ให้กับร้านอาหาร และเปิดให้ผู้สนใจเข้ามาซื้อได้ที่สวน นอกจากผักสลัดที่เป็นรายได้หลักแล้ว ทางสวนมีไม้ผล พืชผักสมุนไพร เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไข่ ปลูกข้าว ไว้เป็นอาหารสามารถช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน และยังมีความคิดจะขยายพื้นที่ปลูกผัก Organic Thailand เพิ่มขึ้นอีก จากที่ทาการเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมี เพื่อผลิตพืชผักปลอดสารจาหน่ายในราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้ สุขภาพที่จับต้องได้ จนเป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน ร้านอาหาร และผู้บริโภคที่รักในสุขภาพจนมาถึงปัจจุบัน
ระบบโรงเรือนปลูกผักสลัดโซนที่ 2 ออกแบบเองทรงเพิงหมาแหงน หลังคาโรงเรือนใช้ เป็นพลาสติก (กระจายแสง 7% ยูวี) ช่วงฝนตกน้าฝนจะไหลมาในทิศทางเดียวกัน และทำรางน้ำ เพื่อรองรับน้ำฝนกลับสู่แหล่งน้ำ ระบบโรงเรือนมีความแข็งแรง อากาศถ่ายเท กระบะปลูกจะยกพื้นสูงอยู่ระดับที่เหมาะสมกับการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องก้มเงย ส่งผลมีการปวดหลัง พื้นกระบะเป็นกระเบื้อง แล้วหุ้มดินด้วยแสลน เวลาให้น้ำๆจะไม่ขังกระบะและที่ไหลลงพื้นกลับไปสู่บ่อน้าอีกครั้ง ระบบน้ำใช้เทคโนโลยีระบบแบบตั้งเวลา (Timer) ให้น้ำอัตโนมัติ ง่าย สะดวก รวดเร็ว และ ลดการใช้แรงงานคน ส่วนน้าที่เปิดให้กับผักสลัด ที่สวนยั้งทำสารชีวภัณฑ์ จะเน้นการใช้สารชีวภัณฑ์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค และผู้ผลิต ที่ใช้จะมี เชื้อราไตรโคเดอร์มา และเชื้อราบิวเวอเรีย สำนักงานเกษตรอำเภอขาณุวรลักษบุรีได้เข้ามา ส่งเสริมการขยายเชื้อราใช้เองเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตอีกทาง และไม่เป็นอันตรายต่อคน สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม
สวนยังมีการเลี้ยงไส้เดือน เพื่อใช้มูลไส้เดือน เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ไม่เป็นพิษต่อคน สัตว์เลี้ยง และสภาพแวดล้อม ช่วยปรับสภาพโครงสร้างดินไม่แน่นแข็ง รากพืชสามารถแพร่ขยาย ได้กว้าง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น จึงใช้ใส่รองก้อนหลุมก่อนปลูกพืช สำนักงานเกษตรยังแนะนำทำกับดับแมลง เป็นกับดักกาวเหนียว เป็นวิธีกาจัดศัตรูพืชแบบวิธีกล สามารถดักจับแมลงที่เป็นศัตรู พืชผัก เช่น เพลี้ยอ่อน ด้วงหมัดผัก แมลงหวี่ขาว เพลี้ยไฟ หนอนใยผัก และผีเสื้อกลางวันและ กลางคืนชนิดต่าง ๆ การใช้งานแผ่นกาวเหนียวดักแมลงมีราคาถูก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ เหมาะกับการทำเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ ผักสลัด มีแนวทางลดความเสี่ยงเรื่องการลงทุนและการตลาด ปี 2563 ปลูก 5 กระบะ เมื่อได้รับการตอบรับที่ดี ปลูกเพิ่มเป็น 8 กระบะ จนปัจจุบันมีปลูกทั้งหมด 14 กระบะ การปลูกจะลงผักสลัดในแต่ละกระบะไม่พร้อมกัน เพาะกล้าห่างกัน 7 วัน รอต้นกล้า 15 วัน ก็เริ่มลงในกระบะทีละ1-2 กระบะโดยดูความต้องการของผู้บริโภค เมื่อลงผักในแต่ละกระบะอายุครบ 30 วัน ก็สามารถตัดขายผลผลิตได้ ทำให้มีผักสลัดขายตลอดทั้งปี จำหน่ายราคาเริ่มต้นหน้าสวน 1-4 กิโลกรัมละ ราคา 120 บาท ถ้า 5-10 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 100 บาท นอกจากขายผักสลัดตัดสดแล้ว ยังขายเป็นต้นกล้าผัก และคิดสรรค์เมนูเพื่อโปรโมทผักสลัดให้ลูกค้าที่ซื้อไปว่าผักสลัดสามารถทำอะไรกินได้บ้าง เช่น แซนวิซ ฯลฯ และยังเพิ่มมูลค่าผักสลัดได้อีก สนใจศึกษาดูงานติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอขาณุวรลักษบุรี โทร.055-779-242