“บริษัท เค ยู เอ็นโกโก้ เน็ตเวิร์ค จำกัด ลงนาม MOU กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรสำนักงานใหญ่ในโครงการ ปลูกโกโก้พืชเศรษฐกิจชนิดที่ยังยืนเพื่อเกษตรกรไทย”
ที่สำนักงานใหญ่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เลขที่ 2346 ถ.พหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ( 10900 )นายไพโรจน์ ติ้งฉิ่น รองผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อบุคคล ในนามตัวแทนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้ลงนามตกลงความร่วมมือกันในโครงการ ปลูกโกโก้พืชเศรษฐกิจชนิดที่ยั่งยืนเพื่อเกษตรกรไทย กับ บริษัท เค.ยู.เอ็น.โกโก้ เนตเวิร์ค จำกัด โดยมี นายประสาส์นชัย คงอรุณ ประธานบริษัทฯ เป็นผู้ลงนาม และนายรังสรรค์ ช้างกลางทนายความสำนักงานชัชวาลย์และเพื่อน ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของบริษัทฯร่วมลงนาม ซึ่งโครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง ธกส. จำนวน 1,216 สาขา ทั่วประเทศ กับ บริษัท เค. ยู.เอ็น.โกโก้ เน็ตเวิร์ค จำกัด ซึ่งการลงนามครั้งนี้เป็นระบบเกษตรพันธสัญญา ที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจาก ธกส.
โดยหลักการคือ เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการนี้จะต้องทำสัญญากับบริษัทฯ โดยจะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้ความรู้เชิงวิชาการให้กับเกษตรกร จัดหาต้นพันธุ์ ไปจนถึงรับซื้อผลผลิตโกโก้ของเกษตรกรในราคาประกัน จากนั้นเกษตรกรสามารถขอสินเชื่อเพื่อการดำเนินการเพาะปลูกต้นโกโก้ จาก ธกส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งโครงการนี้เป็นปฏิธานของ ธกส. ที่ต้องการสร้างคุณภาพชีวิตของคนชนบทให้ดีขึ้น สร้างความภาคภูมิใจให้กับเกษตรกร รวมทั้งเจตนาของบริษัท เค.ยู.เอ็น โกโก้ เน็ตเวิร์ค นั้น กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า จะดำเนินการบนหลักการ “คิดดี ทำดี ทุกชีวีมีความสุข”
ซึ่งโครงการปลูกโกโก้ พืชเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของไทยนั้น จะส่งผลดีกับเกษตรกรไทยหลายด้าน เช่น เกษตรกรจะมีรายได้ประจำที่มั่นคง เพราะเมื่อปลูกโกโก้เพียงครั้งเดียวจะสามารถเก็บผลผลิตได้หลาย 10 ปี จะสร้างคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในชนบทให้ดีขึ้นรวมถึงเป็นการสร้างป่าเศรษฐกิจให้กับประเทศอีกด้วย
นายประสาส์นชัย คงอรุณ ผู้บริหารบริษัท เค ยูเอ็น โกโก้ เน็ตเวิร์ค กล่าวว่า ขณะนี้ผลผลิตโกโก้ที่ทางบริษัทรับซื้อจากเกษตรกรทั่วประเทศนั้นยังไม่เพียงพอกับกำลังการผลิต ของเครื่องจักรที่มีอยู่ซึ่งยังขาดวัตถุดิบอีกจำนวนมากประกอบกับผลผลิตโกโก้ที่แปรรูปออกมาแล้วนั้น ตลาดยังมีความต้องการสูงเพราะปัจจุบันประเทศไทยยังสั่งผงโกโก้ที่แปรรูปแล้วนำเข้ามาจากต่างประเทศปีละจำนวนมหาศาล ดังนั้นอนาคตของตลาดโกโก้ในประเทศไทยจึงยังคงสดใสอีกนาน