เจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดกำแพงเพชร เข้าตรวจสอบ กรณีตายาย ที่ลูกชาย เป็นหนี้ กยศ.แล้วนำโฉนดบ้านและที่ดินไปจำนอง จากนั้นก็หายตัวไป จนสำนักงานบังคับคดี ยึดขายทอดตลาด กระทั่งมีผู้ซื้อบ้านและที่ดินไป แล้วขึ้นป้ายประกาศขายต่อ สร้างความเสียใจให้กับตายายเป็นอย่างยิ่ง วอนสังคมช่วยเหลือ ตายายหมดหนทางเงินก้อนใหญ่ ทุกวันนี้ใช้เงินผู้สูงอายุ
จากกรณี 2 ตายายร้องสื่อตามหาลูกชาย ขอให้กลับบ้าน เนื่องจากโดนยึดที่ดินขายทอดตลาด เพราะลูกชายไปกู้เงิน กยศ. เป็นเงินกว่า 1 แสนบาท แล้วไม่ได้ใช้ จากนั้นได้มาขอโฉนดที่ดินไปจำนองกับธกส.ได้เงินมา 4 แสนบาท แต่กลับไม่นำเงินไปใช้หนี้ กยศ. กลับนำเงินหายไป สุดท้ายถูกสำนักงานสั่งบังคับคดี ประกาศยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทอดตลาด จนมีผู้ซื้อไปแล้วขึ้นป้ายประกาศขายต่อในราคากว่า 8 แสน หลังทราบเรื่องราวดังกล่าว เจ้าหน้าที่จากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมพูดคุยในกรณีดังกล่าว โดยพบว่า คดีนั้นได้สิ้นสุดไปตามกระบวนการแล้ว ซึ่งได้ประกาศขายทอดตลาดไปแล้ว จนกระทั่งมีผู้มาซื้อที่ดินดังกล่าวไปแล้วด้วย และมีการทำสัญญาซื้อขายพร้อมวางมัดจำเรียบร้อยแล้ว ถือว่ากระบวนการทางกฎหมายถือเป็นที่สิ้นสุด สิ่งที่ทำได้คือทางเจ้าของบ้านเดิมจะต้องนำเงินไปจ่ายให้ครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกันไว้ ส่วนจะลดราคาหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย
ขณะที่นายเชิด นุ่มวงษ์ อายุ 88 ปี และ นางทองคำ นุ่มวงษ์ อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.1 ต.วังไทร อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ตนเองไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนมาซื้อที่ดินและบ้านคืนมา ติดต่อลูกชายก็ไม่ได้หายไปเลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ตนเองกับสามีก็แก่มากแล้ว และยังมีโรคประจำตัวทั้งสองคน ลูกที่อยู่ด้วยกันก็มีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา ก็ไม่มีเงินเช่นเดียวกัน ถ้าบ้านและที่ดินถูกยึดไปตนคงไม่มีที่ไป เพราะแก่แล้วก็ขอตายอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะบ้านหลังนี้ เป็นเรือนหอของปู่กับย่า ต่อมาปู่ได้ยกให้กับนายเชิด พร้อมสั่งว่า ให้อยู่ไปตลอดห้ามขายเด็ดขาด แต่มาถูกลูกชายนำไปจำนองกับ ธกส.เป็นเงินประมาณ 4 แสนบาท หลังจากได้เงินมาแล้วก็ไม่เคยนำเงินไปชำระหนี้ของ กยศ. จำนวน 140,000 บาท จนถูกฟ้องและถูกบังคับคดี ขายที่ดินและบ้านดังกล่าวไปในราคา 402,000 บาท
จนมีผู้ซื้อไปแล้ว ในราคา 800,000 บาท ซึ่งลูกชายได้ติดต่อขอซื้อบ้านพร้อมที่ดินคืน และได้มาทำสัญญาซื้อขายกันที่บ้านหลังนี้ พร้อมทั้งได้จ่ายเงินมัดจำไปจำนวน 20,000บาท หลังจากนั้นลูกชายก็หายออกไปจากบ้าน โดยไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย จนผู้ที่ซื้อกลับมาสอบถามหลายครั้งว่า จะชำระเงินส่วนที่เหลือได้เมื่อไหร่ ซึ่งทางบ้านก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เพราะไม่มีเงิน และลูกชายก็หายไป ต่อมาผู้ซื้อที่ดินและบ้านไป ได้นำป้ายประกาศขายที่ดินพร้อมบ้านของตน จึงทำให้ตนและครอบครัวเดือดร้อนมาก ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปซื้อบ้านและที่ดินกลับมา ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่าทรงไทยหลังใหญ่สวยงาม ภายในสวนปลูกไม้ผลไว้หลากหลายชนิด จึงทำให้ตนและครอบครัวเสียดายมาก ถ้าถูกขายไปจริงๆตนก็ขอตายที่นี่ไม่ย้ายไปไหนเด็ดขาด จึงวอนผู้ใจบุญที่สามารถช่วยเหลือ ไถ่ถอนบ้านและที่ดินหลังนี้คืนมา ให้กับตนด้วย โดยสามารถบริจาคช่วยเหลือตากับยายได้ที่ธนาคาร ธกส.สาขาคลองขลุง ชื่อบัญชีนายเชิด นุ่มวงษ์ หมายเลขบัญชี 020103358247 ทั้งนี้ตากับยายพูดด้วยน้ำตาว่า ถ้าหากผู้ใจบุญช่วยเหลือมาจะเก็บเงินไว้อย่างดี ส่วนถ้าลูกชายดูอยู่ก็ให้กลับมาแก้ไขปัญหาด้วย