ฝายวังยางพัง!!ผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชังอ่วม

ฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิงโครงการวังยาง ตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง เกิดชำรุดหินทิ้งที่กั้นขวางทางน้ำปิงทรุด ทำให้แรงดันน้ำพัดหินทิ้งพังทะลายลง ทำให้มีช่องทางน้ำไหลเป็นบริเวณกว้าง ผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชัง ได้รับความเสียหาย ระดับน้ำลงอย่างกะทันหัน ปลาในกระชังน๊อกน้ำ

ฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิงโครงการวังยาง หมู่ที่ 4 ตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เกิดชำรุดเสียหาย เนื่องจากหินทิ้งที่กั้นขวางทางน้ำปิง เกิดทรุดตัวลงทำให้แรงดันน้ำพัดหินทิ้งพังทะลายลง จึงทำให้มีช่องทางน้ำไหลเป็นบริเวณกว้าง โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของค่ำวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562

โดยหลังจากเกิดเหตุมีหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 ( วังยาง ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้าน เข้าร่วมสังเกตการณ์ที่บริเวณฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิงโครงการวังยาง

จุดที่ชำรุดเสียหายห่างจากตลิ่งประมาณ 10 เมตร ช่วงที่ชำรุดเสียหายมีความกว้างประมาณ 20 เมตร ซึ่งมีผลทำให้ระดับน้ำบริเวณหน้าฝายรวมถึงริมตลิ่งมีระดับน้ำลดลง ประมาณ 2-3 เมตร ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง และเกษตรกรกลุ่มผู้ที่ใช้น้ำในพื้นที่ฝายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 ( วังยาง ) เบื้องต้นทางหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 ( วังยาง ) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจสอบพร้อมแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการซ่อมแซมบริเวณฝายกั้นแม่น้ำปิงจุดที่ชำรุดเสียหายต่อไป

นายมานพ พาติกะบุตร ประมงอำเภอคลองขลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เข้าตรวจดูความเสียหายที่กระชังปลาของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง หลังจากที่ฝายกั้นแม่น้ำปิงโครงการวังยาง หมู่ที่ 4 ตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เกิดทรุดตัวเป็นช่องกว้างถึง 20 เมตร และทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างกะทันหัน ถึง 3 เมตร ส่งผลกระทบต่อกระชังปลาของกลุ่มผู้เลี้ยงปลากระชังในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเสียหายจากปลาน๊อกน้ำอย่างกะทันหัน

จากการสอบถาม นายไวพจน์ ฤมิตร อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 78 หมู่ 1 ตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ที่ได้รับความเสียหาย จากระดับน้ำที่ลดลงอย่างกะทันหัน กล่าวว่า หลังจากระดับน้ำลดลงไปประมาณ 3 เมตร ทำให้ปลาในกระชังที่เลี้ยงไว้จำหน่ายหลายชนิด เช่น ปลาทับทิม ปลากดคัง ปลาเทโพ ปลาสวาย และเกิดอาการ น๊อกน้ำตายไปแล้วบางส่วน และคาดว่าอาจจะตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีกระชังปลาฉีกขาดเสียหายไปบางส่วน

ดังนั้นจึงต้องรีบเร่งจับปลาที่เหลืออยู่ไปส่งขายในกิโลละ 50 บาท ปลาที่ตายแล้วขายอยู่ที่กิโลละ 20 บาท ถึงแม้ว่าจะขายได้ในราคาที่ถูกก็ต้องยอม เพราะต้องขายเอาเงินทุนไว้ก่อน ซึ่งหากยังปล่อยปลาไว้ก็อาจตายเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ

หลังจากเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอคลองขลุงได้เข้าตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว จะได้ทำรายงานไปทางจังหวัดเพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลากระชังต่อไป/////สมาคมนักข่าวส่วนกลางและท้องถิ่นกำแพงเพชร

, , , , , , , , ,