เกษตรกำแพงเพชร!!รณรงค์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร

เกษตรกำแพงเพชร สร้างการรับรู้และการเรียนรู้การเกษตร ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร

องค์การบริหารส่วนตำบลวังบัว  อำเภอคลองขลุง  จังหวัดกำแพงเพชร  นายรพีทัศน์  อุ่นจิตตพันธ์   รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดงานวันรณรงค์สร้างการรับรู้และการเรียนรู้การเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  โดยมีนายธนดล  วงษ์ขันธ์   เกษตรจังหวัดกำแพงเพชรกล่าวรายงาน นายสิทธิชัย ณรังสี ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง อำเภอคลองขลุง  กล่าวต้อนรับ  โดยมี นายอนันต์  ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชรเขต3 หัวหน้าส่วนในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการอำเภอคลองขลุง ผู้นำองค์กรปกครองท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน แขกผู้มีเกียรติและเกษตรกร ร่วมงานกว่า  500 ราย

ายรพีทัศน์  อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่าในปัจจุบันประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ประสบปัญหาหมอกควันปกคลุมและเกิดมลพิษทางอากาศเป็นประจำทุกปีโดยมีสาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่งทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตร ซึ่งการเผาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังส่งผลเสียต่อการทำอาชีพการเกษตรโดยตรง กล่าวคือทำให้ดินเสื่อมโทรมขาดความอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นผลผลิตที่ได้รับต่ำกว่าที่ควร

รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบดำเนินการควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตรและมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้เกษตรกรตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นและนำเสนอทางเลือกในการใช้เทคโนโลยีการเกษตร เพื่อการบริหารจัดการพื้นที่และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผา สร้างการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผา รวมทั้งสร้างต้นแบบในการทำการเกษตรปลอดการเผา เพื่อสนับสนุนการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรในระยะต่อไป

ประเทศไทยมีพื้นที่เขตเกษตรกรรม 153,184,527 ไร่ หรือร้อยละ 47.77 ของพื้นที่ประเทศไทย เพื่อรองรับเกษตรกร จำนวน 5.8 ล้านครัวเรือน มีการผลิตพืชผลทางการเกษตรกว่า200 ชนิดเกิดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหลายประเภท เช่น ฟางข้าว ใบไม้ เปลือกผลไม้ เปลือกถั่ว แกลบ และซังข้าวโพด วัสดุเหล่านี้มีปริมาณมาก และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีมีปริมาณวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรประมาณ 80 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ100,000 ล้านบาท(สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2565). ข้อมูลสถิติการเกษตร) เกษตรกรและชุมชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการพื้นที่ และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ

จึงไม่มีการวางแผนในการจัดการพื้นที่ และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เกษตรกรมักเผาเศษวัสดุในพื้นที่เพื่อทำการเกษตรฤดูถัดไปหรือทิ้งไม่นำมาใช้ประโยชน์ซึ่งวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร มีปริมาณมากและเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้หลากหลายเกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วยการส่งเสริมให้เกษตรกร และชุมชนบริหารจัดการพื้นที่การเกษตรปลูกพืชใช้น้ำน้อย และนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าลดต้นทุนการผลิต สร้างเพิ่มรายได้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่าย ในการบริหารจัดการพื้นที่และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การบริหารจัดการพื้นที่ด้วยการปลูกพืชใช้น้ำน้อย และการสร้างมูลค่าเพิ่มวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจะเกิดประโยชน์ ต่อเกษตรกรและชุมชนกรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้ให้จังหวัดกำแพงเพชร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร ดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างการรับรู้และการเรียนรู้การเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายธนดล  วงษ์ขันธ์ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร  กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล กำหนดมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดมาตรการเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 256768 ให้พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีเป้าหมายลดการเผาในพื้นที่เกษตรลง ร้อยละ 30 จากปี2567 ซึ่งจังหวัดกำแพงเพชร  มีพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวในเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 จำนวน 1,246,050 ไร่ และยังมีเกษตรกรในพื้นที่ที่ยังไม่มีแผนบริหารจัดการเศษวัสดุจำนวน 444,708 ไร่ และในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 ยังมีพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวที่มีการเพาะปลูกในฤดูนาปรังอีกมากกว่า 400,000 ไร่ ซึ่งจะมีเศษวัสดุเหลือใช้เกิดขึ้น

 

จึงจำเป็นต้องมีการสร้างการรับรู้ สร้างความตระหนักรู้ เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจถึงผลกระทบและผลเสียจากการเผา รวมทั้งการแนะนำหรือส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงทางเลือกเพื่อที่จะไม่เผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนงบประมาณ เพื่อจัดงานวันรณรงค์สร้างการรับรู้และการเรียนรู้การเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Day)/ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ถึงวิธีการหรือแนวทาง ในการบริหารจัดการ การผลิตโดยการทำการเกษตรแบบปลอดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และยังเป็นการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและไม่ก่อมลพิษทางอากาศ ผลของการเรียนรู้ยังสามารถนำไปขยายผลต่อในพื้นที่ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของชุมชนเกษตร ลดการเผา เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน  การจัดงานในวันนี้ มีเป้าหมายเกษตรกรคือ เกษตรกรทั่วไปในพื้นที่ และเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมจัดทำแปลงเรียนรู้ การบริหารจัดการพื้นที่การเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมปลูกพืชใช้น้ำน้อย รวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 350 ราย

ประกอบด้วยเกษตรกรจาก 8 อำเภอ ได้แก่อำเภอคลองขลุง อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองลาน อำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอพรานกระต่าย อำเภอลานกระบือ อำเภอปางศิลาทอง และอำเภอบึงสามัคคี และมีหน่วยงานภาคีภาครัฐ และเอกชนร่วมให้ความรู้แก่เกษตรกร กิจกรรมในงาน ประกอบด้วย การจัดฐานเรียนรู้ เพื่อให้เกษตรกรได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ จำนวน 5 ฐาน ได้แก่ฐานที่ 1 การเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (การปลูกพืชใช้น้ำน้อย) ฐานที่ 2 เทคโนโลยีที่ช่วยในการปรับตัวในการทำการเกษตร   (การทำนาแบบตัดตอซัง) ฐานที่ 3 การเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุทางการเกษตร (การเพาะเห็ดฟาง ในตะกร้า) ฐานที่ 4 การใช้จุลินทรีย์ย่อยสลายเศษวัสดุทางการเกษตร และ การจัดการดินอย่างยั่งยืน- ฐานที่ 5 เกษตรอัจฉริยะ และนอกจากนี้ยังมีการ นิทรรศการถ่ายทอดความความรู้ และเทคโนโลยีจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน