ทวีศักดิ์ เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำไร่ ไม่ใช้สารเคมี “เมื่อเราควบคุมราคาอ้อยไม่ได้ เราต้องลดต้นทุนการผลิตให้ได้ เพื่อให้มีกำไรมากขึ้น”
การคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำไร่ ระดับเขต ประจำปี 2563 กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติแก่เกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่นให้เป็นที่ปรากฏแก่สาธารณชน ตลอดจนเป็นการให้ความสำคัญ และสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีพลังใจสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่ออาชีพการเกษตรให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ
นายสมยศ มโนวงศ์ เกษตรจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่าในปี 2563 จังหวัดกำแพงเพชรได้ดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น เกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตร แล้วได้ส่งผลงานที่ชนะเลิศการประกวดระดับจังหวัด ไปให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพิจารณาผลการคัดเลือกในเบื้องต้น ปรากฏว่าผลงานส่งเสริมการเกษตรของจังหวัดกำแพงเพชรได้ผ่านการคัดเลือกในเบื้องต้น 2 กิจกรรม คือเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพไร่นาสวนผสม และอาชีพทำไร่
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขต 6 จังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดแผนการออกมาคัดเลือกในพื้นที่ของจังหวัดกำแพงเพชร โดยการนำของนางทชาอร ลิมังกูร นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ประธานกรรมการ นายธีระศักดิ์ ศรีวิชัย นักวิชาการเกษตรชำนาญการ กรรมการ และนายศราวุธ พานทอง กรรมการและเลขานุการ เพื่อพิจารณาหาเกษตรกรที่มีผลงานเด่นด้านสาขาอาชีพไร่ นาสวนผสม เป็นตัวแทนของเกษตรกร 17 จังหวัดภาคเหนือ
ในการประกวดเกษตรกรดีเด่นระดับประเทศต่อไป การพิจารณาคัดเลือกใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือกของกรมส่งเสริมการเกษตร ประกอบด้วย ความคิดริเริ่มและความฟันฝ่าอุปสรรคในการสร้างผลงาน ผลงานและความสำเร็จของผลงาน ทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติงานและความยั่งยืนในอาชีพ ความเป็นผู้นำและการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในด้านต่างๆ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายทวีศักดิ์ พัชรศักดิ์สกล อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 6 บ้านศาลเจ้าแม่ ต.วังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำไร่ของจังหวัดกำแพงเพชร มีพื้นที่ปลูกอ้อย 544 ไร่ ไม่มีการเผาใบอ้อยใช้ใบอ้อยคลุมดินรักษาความชื้น ฉีดพ่นจุลินทรีย์ เพื่อช่วยย่อยสลายทำให้ได้ปุ๋ยกลับสู่ดิน สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมีถึง 1,250,000 บาท มีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาปรับใช้ในไร่ของตนเอง เช่น การปรับพื้นที่ให้เหมาะแก่การเพาะปลูกอ้อย
การปรับปรุงบำรุงดินด้วยจุลินทรีย์ชีวภาพ ย่อยสลายใบอ้อยด้วยจุลินทรีย์ เลือกใช้พันธุ์อ้อยให้เหมาะสมกับพื้นที่ ปลูกอ้อยโดยใช้รถปลูกอ้อยชนิดพิเศษ ที่ดัดแปลงให้มีเครื่องฉีดพ่นจุลินทรีย์ท้ายเครื่องปลูกโดยท้ายรถจะติดตั้งเครื่องพ่นจุลินทรีย์ เพื่อสเปรย์ฮอร์โมนเร่งรากให้ไปสัมผัสกับท่อนพันธุ์โดยตรงขณะปลูกอ้อย กำจัดวัชพืชในแปลงอ้อยปลูกใหม่ โดยใช้โรตารี่จอบหมุนสับกลบใบอ้อยกำจัดวัชพืชในร่องอ้อยพ่วงรถแทรคเตอร์ ช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืชได้ 1 ใน 3 ช่วยลดรายจ่ายและลดมลพิษคิดเป็นต้นทุนที่ลดลง 718,275 บาท แก้ไขปัญหาเรื่องมลพิษและการขาดแคลนแรงงาน
โดยการนำรถตัดอ้อยมาใช้แทนการเผาอ้อยก่อนตัด 100 เปอร์เซนต์ มีการคัดเลือกใช้พันธุ์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ จากการนำเทคโนโลยีต่างๆมาปรับใช้ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3 ตัน/ไร่ จาก 11.99 ตัน/ไร่เป็น 15.00 ตัน/ไร่ นอกจากนี้นายทวีศักดิ์ ได้นำความรู้ที่มีและนำไปใช้ประสบผลสำเร็จเผยแพร่ให้แก่เกษตรกรรายอื่นๆ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ ครูของประชาชน และได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาใช้ในดำเนินชีวิตโดยแบ่งพื้นที่ 4 ไร่ มาทำนาปลูกข้าวไว้กินเอง เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ปลูกอ้อยคั้นน้ำ ปลูกผลไม้
